วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

ตราสัญลักษณ์


"โลโก้ต้องสื่อตัวตนได้
โลโก้ต้องเป็นที่จดจำ
โลโก้ต้องสื่อได้แม้ไม่ได้ใช้สีสัน
โลโก้ต้องสื่อได้แม้ขนาดเล็กๆ"

ตราสัญลักษณ์

     สัญลักษณ์ หรือ Logo มาจากคำเต็ม Logotype หมายถึง สัญลักษณ์ เครื่องหมาย ตัวแทน หรือสื่ออย่างใดอย่างหนึ่งที่บ่งบอก ประเภท รูปแบบ หรือรูปพรรณสัณฐานของสิ่งที่เป็นเจ้าของ สัญลักษณ์ หรือ Logo นั้นๆ ดุจดั่งเงา จริงๆ แล้วแทบจะไม่ต้องแปลความหมาย หรืออธิบายด้วยซ้ำ กับคำคำนี้เพราะว่า ถ้าได้ยินคำว่า Logo ผู้ที่ฟังก็จะเข้าใจได้เลย ไม่ต้องแปร หรืออธิบาย จะเข้าใจได้ดี ตีความหมาย ขยายความได้มากกว่า และกว้างมากกว่าคำที่ได้อธิบายไว้แต่ต้น เหมือนที่ทุกคนเข้าใจ และลึกซึ้งกับคำว่า “เงิน” พอเอ่ยคำคำนี้ทุกคนจะเข้าใจได้ดี ลึกซึ้ง และรู้ความหมายกับคำว่าเงินคือ อะไร แต่จะให้แปล และตีความนั้นค่อนข้างจะลำบาก เป็นต้น
ประเภทของตราสัญลักษณ์
     ความซับซ้อนและความหลากหลายขององค์กรที่มีอยู่ เป็นต้นเหตุของส าคัญที่ ท าให้เกิดความหลากหลายของรูปแบบตราสัญลักษณ์ โดยเราอาจจะพบได้หลาย รูปแบบตั้งแต่รูปแบบที่เป็นลักษณะง่ายๆ คือ การประยุกต์ลายเซ็นชื่อของผู้ก่อตั้ง องค์กรนั้น จนถึงลักษณะที่ซับซ้อนคือการประมูลข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรและพัฒนา จนเป็นรูปร่างนามธรรม (Abstract shape)
     โดยตราสัญลักษณ์แต่ละแบบก็มีความเหมาะสมในการใช้งานในสถานที่ แตกต่างกันไม่ใช่ว่าอยากใช้ตราสัญลักษณ์ แบบใดกับองค์กรแบบไหนก็ได้ ดังนั้นก่อนการออกแบบจึงควรมีการก าหนดก่อนว่า ตราสัญลักษณ์ประเภท ใดบ้างที่มีความเหมาะสมในการที่จะน ามาแก้ปัญหาในกรณีนั้นๆ ซึ่งก็จะเป็น ส่วนช่วยให้เห็นทิศทางในการออกแบบ เพื่อช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการ ทดลองออกแบบตราสัญลักษณ์ประเภทอื่นที่ไม่เหมาะสม
     ข้อดี-ข้อเสียของตราสัญลักษณ์
     ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันโดยจะพิจารณาจากประเด็น ต่อไปนี้
          -การสื่อสารให้เข้าใจง่ายและจดจำได้นาน
          -ความสวยงามของรูปร่างและความโดดเด่น
          -การนำไปใช้งาน
          -งบประมาณและเวลาที่ต้องใช้ในการเผยแพร่ตรา สัญลักษณ์นั้นจนเป็นที่คุ้นเคยจ่อสาธารณชน

1. LOGO ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบที่เป็นตัวอักษรเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีองค์ประกอบที่เป็นภาพ หรือองค์ประกอบทางการออกแบบอื่น แบ่งเป็น


     1.) Name-only mark  ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบเป็นตัวอักษรทุกตัวของชื่อผู้ก่อตั้งองค์กร หรือชื่อที่ผู้ที่บริหารองค์กรเลือกใช้ โดยตราลักษณะนี้นับเป็นตราประเภทแรกๆ ของยุค ที่เริ่มมีการผลิตสินค้าออกมาเป็นตราสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสามัญที่ที่ผู้ผลิตจะใส่ ลายมือชื่อหรือลายเซ็นของตนลงบนสินค้า หรือบรรจุภัณฑ์ของสินค้า เพื่อให้ทราบถึง แหล่งผลิต ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาการผลิตในรูปแบบอุตสาหกรรม การลงลายมือชื่อ จึงถูกแทนด้วยการพิมพ์ลายมือชื่อ และต่อมาลายมือชื่อเหล่านั้นจึงพัฒนาในกระบวน การออกแบบให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น
          ข้อดี-ข้อเสีย
          -เข้าใจง่าย ผู้ทีรู้ภาษาที่ใช้เป็นชื่อนั้นจะทราบได้ทันทีและหากเป็นชื่อที่น่าสนใจจะ จดจำได้ทันที
          -ไม่สามารถสื่อความหมายได้ลึกซึ้ง -รูปร่างมักจะธรรมดา ยากที่จะโดดเด่น
          -ใช้ได้ยากหากองค์กรมีชื่อที่ยาว
          -หากองค์ประกอบมีตัวอักษรอื่นนอกจากภาษาอังกฤษ อาจจะไม่มีความเป็นสากล
          -ใช้งบประมาณน้อยและใช้เวลาสั้นในการสร้างความคุ้นเคย

     2.) Initial letter mark ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบที่เป็นตัวอักษรเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีองค์ประกอบที่เป็นภาพ หรือองค์ประกอบทางการออกแบบอื่น แบ่งเป็น ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบเป็นตัวอักษรที่เป็นตัวอักษรย่อของชื่อ ผู้ก่อตั้งองค์กรหรือชื่อที่ผู้ที่บริหารองค์กรเลือกใช้ โดยการใช้ชื่อย่อนั้นอยู่ในวัฒนธรรม ของชาวตะวันตกมาช้านานแล้ว เมื่อมีการน าชื่อมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ก็มีการน า แนวคิดนั้นมาใช้ด้วย โดยตราสัญลักษณ์ประเภทนี้จะดีในแง่การหาทางออกให้กับ ชื่อองค์กรที่ค่อนข้างยาว
          ข้อดี-ข้อเสีย
          -เข้าใจยาก จดจำยาก เพราะมีตราสัญลักษณ์ประเภทนี้อยู่มากทำให้สับสนง่าย และอาจจะนึกชื่อเต็มไม่ออก
          -ทำให้สวยงามได้ง่าย แต่อาจจะขาดความโดดเด่น
          -เป็นทางออกที่ดีสำหรับชื่อองค์กรที่มีชื่อยาวๆ และหากคุ้นเคยแล้วจะเรียกติดปาก ได้ง่าย
          -ตัวย่อไม่เป็นสากล เช่น NATO – North Atlantic Treaty Organization (USA) -Organization Tratado Atlantico Norte (Spain)
          -มีโอกาสที่ชื่อย่อจะไปซ้ำกับองค์กรอื่น
          -ใช้งบประมาณและเวลามากกกว่า Name only mark

2. SYMBOL ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบที่เป็นภาพหรือองค์ประกอบทางการ ออกแบบอื่น เช่น จุด เส้น โดยไม่มีองค์ประกอบที่เป็นตัวอักษรมาผสมกับภาพ จนเป็นรูปร่างร่วมกัน (อาจมีการนำเอาตัวอักษรที่เป็นชื่อมาวางประกอบ ด้านหน้า ด้านล่าง หรือด้านข้างทีหลัง โดยจะวางแยกออกจากตราสัญลักษณ์)


     1.) Allusive mark ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบเป็นภาพของสิ่งที่มีความเกี่ยวเนื่อง สัมพันธ์กับประวัติ ประเภท หรือลักษณะพิเศษอื่นขององค์กร แล้วนำมาเสนอให้มี เอกลักษณ์มากขึ้น ส่วนใหญ่ตราประเภทนี้จะเป็นมุขที่ “ดูออก” หรือเข้าใจง่ายสำหรับ ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอยู่แล้ว
          ข้อดี-ข้อเสีย
          -ความเข้าใจยาก (ปานกลาง) มีความหมาย และมีอิทธิพลต่อการรับรู้สูง
          -ทำให้รูปร่างสวยงาม และโดดเด่นไม่ยาก
          -มีความเป็นสากล (มีภาษาภาพช่วย)
          -ใช้งบประมาณและเวลามาก


     2.) Abstract mark ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบเป็นภาพหรือองค์ประกอบทางการออกแบบ ที่ไม่ใช่ตัวหนังสือ สะท้อนประวัติหรือปรัชญา หรือลักษณะพิเศษอื่นขององค์กร แล้วน า มาพัฒนาจนเกิดรูปร่างนามธรรม ที่ดูออกได้ยากว่าเป็นภาพของอะไร โดยส่วนใหญ่ตรา ประเภทนี้จะเหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีกิจการหลายประเภท ตราประเภทนี้ข้อดี คือจะดูเด่นมีเอกลักษณ์ แต่จะยากในการท าความเข้าใจและคุ้นเคย
          ข้อดี-ข้อเสีย
          -เข้าใจได้ยากกว่า Allusive Mark แต่สื่อความหมายได้ลึกซึ้ง มีอิทธิพลต่อการรับรู้สูง
          -ทำให้สวยงามได้ไม่ยาก แต่ความโดดเด่นอาจจะด้อยลง เพราะมีตราประเภทนี้อยู่มาก
          -มีความเป็นสากลกว่าตราแบบอื่นๆ
          -สามารถครอบคลุมธุรกิจขององค์กรได้ทั้งหมด
          -ใช้งบประมาณมหาศาลและเวลานานมากในการรับร

3. Combination mark ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบที่เป็นภาพหรือองค์ประกอบทางการ ออกแบบอื่นๆ ร่วมกับองค์ประกอบที่เป็นตัวอักษรมาผสมกันจนเป็นรูปร่าง


     1.) Name symbol mark ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้ จะมีองค์ประกอบเป็นตัวอักษรที่เป็นชื่อองค์กร แล้วน ามา บรรจุไว้ในเส้นรอบรูปที่เป็นรูปร่างง่ายๆ เช่น วงรี วงกลม หรือสี่เหลี่ยมเป็นต้น ตรา สัญลักษณ์ประเภทนี้หลายอัน เป็นตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการพัฒนาจากตรา ประเภท Name-only mark โดยมุ่งหวังรูปร่างที่ง่าย มีเอกภาพ และมีพลังมากขึ้น
          ข้อดี-ข้อเสีย
          -เข้าใจง่ายมาก เนื่องจากถ้าเป็นผู้รู้ภาษานั้นๆ ก็จะเข้าใจได้ทันที และหากเป็นชื่อที่ น่าสนใจยิ่งช่วยในการจำได้ง่าย
          -ยากที่จะสื่อความหมายลึกซึ้ง
          -รูปร่างมักจะธรรมดา ยากที่จะโดดเด่น
          -ใช้ได้ยากหากองค์กรนั้นๆมีชื่อที่ยาว
          -หากองค์ประกอบเป็นตัวอักษรอื่นที่ไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษจะขาดความเป็นสากล
          -ใช้งบประมาณที่น้อยและสั้น


     2.)Pictorial name mark ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้มีการใช้องค์ประกอบคือ ตัวอักษรที่เป็นชื่อองค์กรร่วมกับ ภาพ หรือองค์ประกอบทางการออกแบบอื่นๆ ที่มีรูปร่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ตรา ประเภทนี้จะต้องมีองค์ประกอบส่วนที่เป็นภาพที่ค่อนข้างพิเศษ จนแม้ว่านำตัวอักษร ออก ก็ยังจาตรานั้นไดั
          ข้อดี-ข้อเสีย
          - เข้าใจได้ไม่ยากแต่หากความหมายลึกซึ้งก็ต้องการการเผยแพร่ในรูปแบบสื่ออื่นๆ
          -ทำให้รูปร่างสวยงามและโดดเด่นได้ไม่ยาก
          -แม้จะมีตัวอักษรเป็นองค์ประกอบหลัก แต่ก็มีองค์ประกอบอื่นช่วยให้มีความเป็น สากลได้
          -ใช้งบประมาณมากและเวลานาน
          -เข้าใจได้ไม่ยาก
          -ทำให้สวยงามได้ไม่ยาก แต่ความโดดเด่นอาจจะด้อยลง เพราะมีตราประเภทนี้อยู่มาก
          -ตัวอักษรและภาพอาจดูเป็นงานออกแบบที่ย้ำคิดย้าทำ
          -แม้จะมีตัวอักษรเป็นองค์หลัก แต่ก็มีองค์ประกอบอื่นช่วยให้มีความเป็นสากลได้
          -ใช้งบประมาณมาก และเวลานาน (ปานกลาง)

     3.) Associative mark ตราสัญลักษณ์ประเภทนี้มีการใช้องค์ประกอบคือ ตัวอักษรที่เป็นชื่อองค์กรร่วมกับ ภาพ หรือองค์ประกอบทางการออกแบบอื่นๆอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยจะ แยกองค์ประทั้ง 2 ประเภทออกจากกันได้ยาก
          ข้อดี-ข้อเสีย
          -เข้าใจได้ไม่ยาก
          -ทำให้สวยงามได้ไม่ยาก แต่ความโดดเด่นอาจจะด้อยลง เพราะมีตราประเภทนี้อยู่มาก
          -ตัวอักษรและภาพอาจดูเป็นงานออกแบบที่ย้ำคิดย้าทำ
          -แม้จะมีตัวอักษรเป็นองค์หลัก แต่ก็มีองค์ประกอบอื่นช่วยให้มีความเป็นสากลได้
          -ใช้งบประมาณมาก และเวลานาน (ปานกลาง)
ประเภทของโลโก้
1. Word Mark
เป็นโลโก้ที่ใช้ชื่อหรือคำมาออกแบบเป็นโลโก้เลย
ข้อดีของโลโก้ประเภทนี้คือง่ายต่อการจดจำ มีรูปแบบที่เรียบง่าย ดูสะอาดสบายตา 

2. Letter Mark
เป็นโลโก้ที่นำตัวอักษรมาออกแบบเป็นโลโก้
ข้อดีของโลโก้แบบนี้คือจะดูมีดีไซน์แต่ยังคงดูเรียบง่าย แบรนด์ดังๆ มักจะนิยมใช้โลโก้ประเภทนี้ 

3. Symbol
เป็นโลโก้ที่ออกแบบเป็นสัญลักษณ์
ข้อดี้คือสามารถออกแบบให้สวยงามมีเอกลักษณ์ได้ เหมาะกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอยู่แล้ว 

4. Combination Mark
เป็นโลโก้ที่ออกแบบโดยการผสมผสานกันระหว่างชื่อกับสัญลักษณ์
ซึ่งการออกแบบโลโก้ประเภทนี้จะเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด 

5. Emblem
เป็นโลโก้ที่มีลักษณะการออกแบบเป็นตราสัญลักษณ์
จะทำให้ดูเป็นทางการ ส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้กับหน่วยงานราชการหรือองค์กร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น